ปัญหาการจัดส่งพัสดุด่วนที่บริษัท SME มักเจอ และวิธีแก้ไข

การส่งพัสดุเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ SME แต่ปัญหาการจัดส่งก็มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้าและต้นทุนของธุรกิจ บทความนี้จะรวบรวมปัญหาหลักๆ ที่ธุรกิจ SME มักพบในการส่งพัสดุ พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขที่มีประสิทธิภาพ

1. ต้นทุนการส่งพัสดุสูงเกินไป

ปัญหา: SME หลายรายประสบปัญหาค่าขนส่งที่สูงเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรโดยตรง

วิธีแก้ไข:

  • เปรียบเทียบราคาจากผู้ให้บริการส่งพัสดุหลายราย
  • มองหาผู้ให้บริการที่มีรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ
  • วางแผนการจัดส่งเป็นโซน
  • จัดเตรียมบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม

2. พัสดุเสียหายระหว่างการขนส่ง

ปัญหา: สินค้าชำรุดเสียหายระหว่างทาง ทำให้ต้องจัดส่งใหม่และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

วิธีแก้ไข:

  • เลือกใช้บรรจุภัณฑ์คุณภาพดี แข็งแรง เหมาะกับประเภทสินค้า
  • ใช้วัสดุกันกระแทกอย่างเพียงพอ เช่น ฟองน้ำ กระดาษฟองอากาศ โฟม
  • แสดงสัญลักษณ์ “ห้ามโยน” หรือ “สินค้าแตกง่าย” ให้ชัดเจน
  • ส่งกับผู้ให่บริการที่มีประกัน
  • ถ่ายรูปสินค้าก่อนบรรจุลงกล่องเพื่อเป็นหลักฐาน

3. การจัดส่งล่าช้าไม่ตรงเวลา

ปัญหา: พัสดุไปถึงลูกค้าล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ

วิธีแก้ไข:

  • เลือกผู้ให้บริการขนส่งที่มีประวัติการส่งมอบตรงเวลา
  • วางแผนการจัดส่งล่วงหน้า โดยเฉพาะช่วงเทศกาล
  • ตั้งเวลาสำหรับการเตรียมพัสดุให้เสร็จก่อนเวลารับของของบริษัทขนส่ง
  • แจ้งให้ลูกค้าทราบทันทีหากคาดว่าจะมีความล่าช้า
  • ใช้ระบบติดตามพัสดุ (Tracking) ที่มีประสิทธิภาพเพื่อตรวจสอบสถานะได้แบบเรียลไทม์

4. พัสดุสูญหายระหว่างการขนส่ง

ปัญหา: พัสดุหายระหว่างทาง ทำให้ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย และส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ

วิธีแก้ไข:

  • ติดฉลากที่อยู่ทั้งผู้ส่งและผู้รับให้ชัดเจน พร้อมเบอร์โทรติดต่อสำรอง
  • ใช้บริการที่มีระบบติดตามพัสดุที่เชื่อถือได้
  • เก็บหลักฐานการส่งทุกครั้ง เช่น เลขพัสดุ รูปถ่าย ใบเสร็จ

5. ช่วงเวลารับพัสดุของลูกค้า

ปัญหา: ลูกค้าไม่อยู่รับพัสดุในเวลาที่จัดส่ง ทำให้ต้องจัดส่งใหม่และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

วิธีแก้ไข:

  • ให้ข้อมูลการจัดส่งที่แม่นยำ เช่น วันที่คาดว่าจะถึงและช่วงเวลาโดยประมาณ
  • ส่งข้อความแจ้งเตือนลูกค้าล่วงหน้า 1 วันและอีกครั้งในวันจัดส่ง
  • เสนอทางเลือกให้ลูกค้าเช่น การรับที่จุดรับพัสดุ หรือฝากไว้กับเพื่อนบ้าน
  • พิจารณาการจัดส่งช่วงเย็นหรือวันหยุดสำหรับลูกค้าที่ทำงานประจำ
  • เปิดช่องทางให้ลูกค้าเลื่อนวันรับสินค้าได้สะดวก

6. ปัญหาการจัดการการจัดส่ง

ปัญหา: การจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่ง

วิธีแก้ไข:

  • จัดโซนสินค้าตามความถี่ในการเบิกจ่าย สินค้าขายดีควรอยู่ใกล้จุดแพ็คสินค้า
  • ทำตารางเวลาการแพ็คสินค้าและการรับพัสดุจากขนส่งให้ชัดเจน
  • ฝึกอบรมพนักงานให้ทำงานได้หลายหน้าที่ เพื่อรองรับช่วงที่มีออเดอร์มาก
  • ตรวจสอบความถูกต้องของรายการสินค้าก่อนส่งทุกครั้ง

7. ความยุ่งยากในการจัดส่งระหว่างประเทศ

ปัญหา: พิธีการศุลกากร เอกสาร และกฎระเบียบที่ซับซ้อนสำหรับการส่งพัสดุไปต่างประเทศ

วิธีแก้ไข:

  • ศึกษากฎระเบียบการนำเข้าของประเทศปลายทางให้ละเอียด
  • ใช้บริการจากผู้ให้บริการขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญในเส้นทางนั้นๆ
  • เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เช่น ใบกำกับสินค้า (Invoice), ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า
  • แจ้งลูกค้าเกี่ยวกับภาษีนำเข้าหรือค่าธรรมเนียมที่อาจเกิดขึ้น
  • พิจารณาร่วมมือกับตัวแทน (Agent) ในประเทศปลายทาง

9. ปัญหาการจัดส่งสินค้าพิเศษ

ปัญหา: สินค้าที่มีขนาดใหญ่พิเศษ, น้ำหนักมาก หรือต้องการการดูแลพิเศษ เช่น อาหารสด

วิธีแก้ไข:

  • เลือกผู้ให้บริการขนส่งที่เชี่ยวชาญในการจัดส่งสินค้าประเภทนั้นโดยเฉพาะ
  • ใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษ เช่น กล่องควบคุมอุณหภูมิสำหรับอาหาร
  • แยกการจัดส่งสินค้าพิเศษออกจากระบบปกติ เพื่อไม่ให้กระทบงานประจำ
  • คิดค่าจัดส่งเพิ่มเติมสำหรับสินค้าพิเศษเพื่อครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้น
  • วางแผนเส้นทางและเวลาจัดส่งให้เหมาะสม โดยเฉพาะสินค้าที่เน่าเสียง่าย

10. การบริหารจัดการต้นทุนในฤดูกาลยอดขายสูง

ปัญหา: ช่วงเทศกาลหรือโปรโมชั่นที่มีออเดอร์จำนวนมาก ทำให้ต้นทุนการจัดส่งสูงขึ้น

วิธีแก้ไข:

  • วางแผนล่วงหน้ากับบริษัทขนส่งเพื่อรองรับปริมาณที่เพิ่มขึ้น
  • จัดโปรโมชั่นฟรีค่าส่งเมื่อซื้อครบจำนวนเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าสั่งมากขึ้นต่อครั้ง
  • จำกัดจำนวนโปรโมชั่นในช่วงเวลาเดียวกันเพื่อกระจายปริมาณออเดอร์
  • พิจารณาจ้างพนักงานชั่วคราวหรือขอความช่วยเหลือจากพาร์ทเนอร์
  • สื่อสารกับลูกค้าถึงความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล

การแก้ไขปัญหาการจัดส่งพัสดุอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยลดต้นทุนและความเสียหาย แต่ยังสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว SME ควรให้ความสำคัญกับการวางระบบจัดส่งที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เลือกส่งพัสดุด่วนกับทีมงานมืออาชีพ ช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้

โดยสามารถคำนึงถึง 5 ปัจจัยนี้ในการเปรียบเทียบ และเลือกใช้ผู้ให้บริการขนส่งด่วน

  1. บริการที่หลากหลาย: ครอบคลุมทั้งการส่งพัสดุด่วน, ส่งของด่วน, และบริการส่งของในกรุงเทพ และปริมณฑล รวมถึงการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่
  2. ใช้งานง่าย รองรับทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน:  เลือกใช้บริการขนส่งที่สามารถติดตามสถานะการจัดส่ง, และจัดการข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. มีระบบรองรับการจัดการสำหรับธุรกิจ: มีฟีเจอร์ที่รองรับการใช้งานแบบธุรกิจ เช่น ฟีเจอร์จัดเรียงเส้นทาง, มี Dashboard สรุปการสั่งงาน รวมถึงการติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์
  4. มีบริการเสริมที่ตอบโจทย์ธุรกิจ: เช่น บริการเก็บเงินปลายทาง , บริการช่วยยกของโดยคนขับ , ส่งคืนใบส่งสินค้า (POD) ทางไปรษณีย์ , มีประกันสินค้า และประเภทรถที่หลากหลาย
  5. ความใส่ใจของผู้ให้บริการขนส่ง: มีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ และพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ 

โปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่
ส่งพัสดุ ส่งสินค้า ส่งเอกสาร กับ SKOOTAR

  • ส่วนลด 100 บาท
    50 บาท (2 ครั้ง)*
สมัครใช้งาน
ส่งพัสดุด่วน ส่งสินค้า สกู๊ตตาร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด *ภาพใช้เพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น
*สกู๊ตตาร์ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม. และปริมณฑล และชลบุรีสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://customer.skootar.com/chonburi 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *